นายศุกรีย์ สุภาวรีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ เราส่งนักกีฬามา 7 คนมี
ศิริกร คชกฤช, พนร อ่อนนิ่ม, สาคร สุขสวัสดิ์, กิตติ ผลาผล, เกษม ศิริโสตร์, เอกพล ทองสุข และอนัส ภู่มีสุข ซึ่งปรากฏว่า ในรอบชิงชนะเลิศ
สามารถผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ 7 คน แต่ในรุ่นความสูงไม่เกิน 172 ซม.เอกพล ทองสุข รุ่นความสูงไม่เกิน 180 ซม.อนัส ภู่มีสุข ทั้งคู่ขึ้นไปแข่งขันอยู่แล้ว แต่โดนกรรมการผู้ตัดสินดึงลงมาจากเวที โดยอ้างว่า มีนักกีฬาไทย 2 คนที่มี ผลการตรวจเจอสารกระตุ้น (สารโด๊ป) โดยไม่ให้ลงแข่งขัน โดยเอาเอกสารมาให้ดู แต่ไม่ให้ถ่ายภาพเป็นหลักฐาน และอ้างว่าเราเจอสารโด๊ปเท่าที่เห็นยาที่อ้างว่าเจอเป็นยาโบราณ เจอ 2-3 ตัวด้วย ยาที่เจอนี่เป็นสิ่งที่ไม่มีทางใช้แน่นอน น่าจะเป็นการเอาเอกสารเท็จมาให้ นอกจากนี้ยังอ้างว่าได้มอบให้ทาง ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้านักกีฬาไทย แต่จริงๆ เมื่อสอบถามไปแล้ว ยังไม่มีเอกสารแจ้งมาให้กับทางทีมไทยเลย ทำให้ยังสรุปไม่ได้
“รายการนี้ทางสมาคมฯ ตั้งเป้าไว้ 1 ทอง การจัดการแข่งขันครั้งนี้ เป็นคนละสหพันธ์ฯ ที่ไทยสังกัด คือสมาคมสหพันธ์เพาะกายเอเชีย (เอเอฟบีเอฟ) และสหพันธ์กีฬาเพาะกายนานาชาติ (ไอเอฟบีบี) ซึ่งทางสมาคมของเราขึ้นตรงกับ สหพันธ์เพาะกายแห่งเอเชีย และสหพันธ์เพาะกายโลก โดยทางเจ้าภาพต้องการได้ทอง เลยต้องทำทุกอย่าง จริงๆ รายการนี้ทางเจ้าภาพส่งทุกรุ่น แต่ตกตาชั่งไป 1 รุ่น เรื่องนี้ผมได้ประสานไปทาง ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้านักกีฬาแล้ว ซึ่งทางไทยไม่มีใครรู้เรื่อง ทางฝ่ายจัดการแข่งขันครั้งนี้น่าจะหมั่นไส้ ไม่อยากให้ไทยได้ทอง การจัดการแข่งขันของเจ้าภาพ เวียดนาม มั่วมาก จัดไม่ได้มาตรฐาน แตกต่างจากเอเชียนบีชเกมส์ ครั้งที่ 4 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ เกิดเรื่องแบบนี้นักกีฬาไทยเสียใจมากเพราะมีความตั้งใจที่จะลงแข่งขันอย่างมาก นอกจากนี้เรามีการตรวจโด๊ปก่อนมาแข่งขันเรียบร้อยแล้วด้วย และไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้ นอกจากนี้นักกีฬาทั้งคู่ ยังได้ลงแข่งรอบคัดเลือกไปแล้ว กระบวนการตรวจโด๊ปไม่มีทางเร็วแบบนี้ ทางนี้น่าจะต้องการตบหน้าทีมไทยมากกว่า ทำให้เสียหน้า เป็นการโดนใส่ร้ายกันมากกว่า”
ที่มา: http://www.lokwannee.com/web2013/?p=239695
